ประวัติความเป็นมาของเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ที่น่าสนใจและควรรู้
ส.ค. 2016-08-04 15:09:00 4573adminหากกล่าวถึงเฟอร์นิเจอร์หลุยส์แล้ว เรามักจะคุ้นเคยกับชื่อเรียกที่ว่า ศิลปะโรโคโค หรือศิลปะแบบหลุยส์ที่ 14 ซึ่งถือเป็นศิลปะที่เริ่มจากการพัฒนาศิลปะฝรั่งเศส และการตกแต่งภายใน สังเกตได้ว่าห้องที่ออกแบบแบบโรโคโคนั้น จะเป็นแบบเอกภาพ คือทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในห้อง รวมถึงเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ ทุกอย่างจะเป็นหนึ่งเดียวกัน กล่าวคือมีความผสมผสานกันได้อย่างลงตัว และนี่คือจุดเริ่มต้นของเฟอร์นิเจอร์หลุยส์นั่นเอง
- ต้นแบบของความหรูหรา
เฟอร์นิเจอร์หลุยส์นั้น ถือได้ว่าเป็นต้นแบบของความหรูหรา และอลังการ เพราะในสมัยก่อนนั้น ศิลปะแบบโรโคโคจะเน้นความเป็นหนึ่งเดียว จะไม่มีอุปกรณ์ตกแต่งใดๆที่จะดูแตกต่างหรือแปลกตาออกไปจากกันได้ เพราะหากเป็นแบบนั้น จะถือว่าไม่มีความสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่ศิลปะในยุคนั้นนั่นเอง จนสืบทอดความหรูหราของเฟอร์นิเจอร์มาถึงปัจจุบันนี้

- แสดงให้เห็นถึงศิลปะแห่งการตกแต่งบ้าน
หากกล่าวถึงคำว่าโรโคโคนั้น มีความหมายว่า ศิลปะแห่งการตกแต่ง ประดิดประดอย จึงไม่แปลกที่อุปกรณ์ตกแต่งต่างๆนั้น จะเน้นการใช้ประโยชน์ในการตกแต่ง แน่นอนว่าเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ที่เกิดในช่วงนั้น จึงมีลวดลายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับศิลปะนี้ และรูปร่างก็มีลักษณะโค้ง ลวดลายต่างๆจะคล้ายกับหอยและใบไม้ ตามแบบฉบับของศิลปะโรโคโคนั่นเอง

- ถือได้ว่าเป็นศิลปะที่ฟุ้งเฟ้อ ,,,,,,
เฟอร์นิเจอร์หลุยส์นั้น ถูกมองว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ดูฟุ้งเฟ้อ และเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่โบราณล้าสมัยเมื่อถูกนำไปใช้ในประเทศอังกฤษ เพราะจากที่รูปแบบของศิลปะโรโคโคนั้น มีการตกแต่งประดิดประดอยมากเกินไป และเป็นเพียงศิลปะสมัยนิยมของฝรั่งเศสเท่านั้น ทำให้เฟอร์นิเจอร์หลุยส์ไม่เป็นที่นิยมในประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ต้องเลือกใช้ตามความเหมาะสมด้วยคะ…….
- ศิลปะที่สำคัญในประวัติศาสตร์
หลังจากที่มีการถกเถียงกัน เกี่ยวกับศิลปะโรโคโค และเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ในประเทศอังกฤษแล้ว พอถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ศิลปะประเภทนี้ ก็ได้รับการยอมรับจากนักประวัติศาสตร์ศิลปะ เพราะถึงแม้จะเคยมีประเด็นการถกเถียงกันในเรื่องของความสำคัญแล้ว แต่สุดท้ายก็ถือว่า มีความสำคัญกับประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตกนั่นเอง จึงให้ความสำคัญ
หลังจากนั้นแล้ว ศิลปะโรโคโคก็ได้รับการยอมรับ และรู้จักกันอย่างแพร่หลาย รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นอีกครั้ง จะเห็นได้ว่า ก่อนจะได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันนี้ ในสมัยก่อนก็เกือบจะถูกทำให้สูญหายไปแล้ว แต่เพราะว่าเป็นศิลปะเฟอร์นิเจอร์ที่มีความสำคัญมากๆ ในช่วงหนึ่ง จึงยังสามารถอนุรักษ์ไว้ได้นั่นเอง และเป็นที่นิยมในการนำมาตกแต่งบ้านให้ดูหรูหราอีกด้วย จึงทำให้เป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบันนี้นั่นเองคะ
แห่งอ้างอิง: เฟอร์นิเจอร์โซฟาหลุยส์ดอดคอม
ความรู้เรื่องเต็นท์
เต็นท์ใช้ทำหน้าที่อย่างไร และเต็นท์ใช้ทำอะไร ? เต็นท์มีหน้าที่ ป้องกันแมลง สัตว์ ลม น้ำ ใช้สำหรับเป็นที่พักชั่วคราว วัสดุที่นำมาใช้ผลิตเต็นท์คืออะไร ? สำหรับวัสดุที่นำมาผลิตเต็นท์นั้น มีหลายชนิด ผ้าใยสังเคราะห์ ( ไนลอน,โพลีเอสเตอร์) เคลือบกันน้ำ เป็น มิลลิเมตร ฟลายชีท ที่ดี ควรมีการซีล ที่ตะเข็บเพื่อไม่ให้น้ำรั่วซึมลงมาด้านใน ชนิดของการเคลือบกันน้ำ เคลือบด้วยโพลียูรีเทน ( PU ) , เคลือบด้วยซิลเวอร์ , เคลือบด้วยซีลีโคน

เต็นท์ใช้ทำหน้าที่อย่างไร และเต็นท์ใช้ทำอะไร ?
เต็นท์มีหน้าที่ ป้องกันแมลง สัตว์ ลม น้ำ ใช้สำหรับเป็นที่พักชั่วคราว
วัสดุที่นำมาใช้ผลิตเต็นท์คืออะไร ?
สำหรับวัสดุที่นำมาผลิตเต็นท์นั้น มีหลายชนิด ผ้าใยสังเคราะห์ ( ไนลอน,โพลีเอสเตอร์) เคลือบกันน้ำ เป็น มิลลิเมตร ฟลายชีท ที่ดี ควรมีการซีล ที่ตะเข็บเพื่อไม่ให้น้ำรั่วซึมลงมาด้านใน ชนิดของการเคลือบกันน้ำ เคลือบด้วยโพลียูรีเทน ( PU ) , เคลือบด้วยซิลเวอร์ , เคลือบด้วยซีลีโคน
ส่วนประกอบของเต็นท์เรียกว่าอะไร เต็นท์ทำหน้าที่อย่างไร ?
ฟลายชีท เป็นส่วนที่คลุมอยู่ด้านบนตัวเต็นท์ ฟลายชีททำหน้าที่ ลดการเกิดหยดน้ำในเต็นท์และช่วยกันฝน ลมและแสงแดดให้ตัวเต็นท์
ตัวเต็นท์ ทำหน้าที่ ป้องกันแมลง สัตว์มีพิษ และช่วยกันลม กันฝน วัสดุที่นำมาผลิตเต็นท์จะเป็นผ้าใยสังเคราะห์ ( ไนลอน,
โพลีเอสเตอร์ ) สำหรับตัวเต็นท์ที่ดี ควรจะเป็นผ้าไม่เคลือบกันน้ำ ( ถ้าเต็นท์นั้นมีฟลายชีทแล้ว ) และมุ้งที่สามารถกันแมลงตัวเล็กได้

พื้นเต็นท์ เป็นส่วนด้านล่างปกติจะสีดำ ทำหน้าที่ในป้องกันน้ำ วัสดุที่นำมาผลิตพื้นเต็นท์จะเป็นผ้าใยสังเคราะห์ (โพลีเอสเตอร์ โพลิโพไพลีน )
ทิป และข้อแนะนำพิเศษ
พื้นเต็นท์ที่ดี ควรใช้ผ้าผืนเดียวหรือมีการต่อแบบกันน้ำ มุมทั้ง 4 ด้านควรยกขึ้นจากพื้นเมื่อกางเต็นท์แล้ว
เสาเต็นท์ เป็นส่วนโครงสร้าง ทำให้เต็นท์ตั้งขึ้นเป็นรูปร่าง วัสดุที่นำมาผลิตเสาเต็นท์จะเป็นไฟเบอร์ใยแก้ว หรือ อลูมิเนียม เนื่องการเสาเต็นท์ที่ทำด้วยไฟเบอร์ใยแก้วอาจจะมีการแตกหักได้ด้วยสาเหตุหลายอย่าง ดังนั้นควรมีเทปปิด หรือสันหนังสือปิด เมื่อมีการหักของตัวเสาเต็นท์ ส่วนเสาที่ทำด้วยอลูมิเนียมจะมีความทนทานสูงกว่ามาก
สมอบกเต็นท์ สมอบกมีอยู่หลายรูปแบบ วัสดุที่นิยมนำมาใช้จะเป็นเหล็กชุบซิ้งค์, อลูมิเนียมเกรดอากาศยาน(ใช้ทำเครื่องบิน) ไฟเบอร์ใยแก้ว,พลาสติก ABS, รวมไปถึงไม้
รูปแบบของสมอบก มีดังนี้
– สมอบก รูปเข็ม เป็นสมอบกที่มาพร้อมกับเต็นท์ สามารถใช้ในพื้นที่เป็นดินได้ดี
– สมอบก รูปฉาก เป็นสมอบกสมัยโบราณเอาไว้ใช้กับพื้นที่เป็นทราย หรือทะเลทราย
– สมอบก รูปตัวไอ เป็นสมอบกที่ถูกพัฒนาให้มีด้านเสียดสีหลายด้านจึงทำให้ยึดเกาะได้ดีในเกือบทุกสภาพอากาศ
– สมอบก แบบถุงผ้า เป็นสมอบกที่ใช้กับทรายเท่านั้น สามารถพับเก็บได้เล็กและไม่ทำอันตรายกับผ้าเต็นท์ในเวลาที่เก็บเต็นท์ในถุงเต็นท์
– สมอบก แบบวัสดุไขว้รูปตัว X เป็นวัสดุ 2 ชิ้นแบนและตรงเจาะรูตรงกลางทั้ง 2 อัน เมื่อเวลาจะใช้ก็กางออกเป็นรูปตัว X ใช้กับพื้นทราย
ความรู้เรื่องโต๊ะ เก้าอี้

โต๊ะ เป็นพื้นผิวด้านบนเรียบขนานกับพื้น รองรับน้ำหนักโดยขาโต๊ะ โดยอาจใช้สำหรับวางสิ่งของอย่าง โดยความสูงมีความพอเหมาะสำหรับการนั่ง และโดยมากจะใช้คู่กับ โต๊ะในยุคก่อนหน้านี้ จะแตกต่างจากปัจจุบันซึ่งโต๊ะสมัยใหม่มักไม่มีลิ้นชัก โต๊ะสำหรับมีไว้เขียนและทำงานในออฟฟิสจะเรียก โต๊ะทำงาน (desk) ซึ่งจะมีลิ้นชักอย่างน้อย 1 อันหรือมากกว่านั้นข้างใต้ บางชิ้นส่วนของโต๊ะอาจขยับปรับเปลี่ยนได้
เก้าอี้ ถือเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ทุกบ้านต้องมี หลายๆคนคงจะเฉยชากับเก้าอี้ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ถึงประเภทและ ความเป็นมาของเก้าอี้
ท่ามกลางเฟอร์นิเจอร์ของใช้ตกแต่งบ้านทั้งหมด คุณคิดว่าอะไรเป็นสิ่งที่เราใช้บ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน? เก้าอี้นั่นเอง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่ามีการพัฒนารูปแบบเก้าอี้ให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น เก้าอี้สไตล์วินเทจรูปแบบเรียบง่าย แต่ออกแบบให้มีรูปทรงตามหลัก ergonomic ที่เหมาะกับการทำงานมากขึ้น นอกจากนี้ อีกเทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจ ก็คือเก้าอี้ที่ง่ายต่อการผลิตเป็นจำนวนมากและทำจากวัสดุรีไซเคิล
เก้าอี้ในอดีตในยุคแรกๆ จะเน้นความเรียบง่าย ตัวอย่างเช่น เก้าอี้ที่ออกแบบมาในปี 1950 ใช้วัสดุที่เป็นโลหะมีรูปแบบที่เรียบง่าย ขาของเก้าอี้ทำด้วยโครเมียมแล้วขัดเงาหรือเคลือบทาสี เก้าอี้เหล่านี้สามารถปรับการใช้งานได้หลายรูปแบบ เช่น ใช้เป็นเก้าอี้สำหรับรับแขก เก้าอี้ทานอาหาร หรือเก้าอี้ทำงาน แต่ในปัจจุบันจากรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้นของเก้าอี้ คุณสามารถเลือกสี รูปแบบ หรือแม้กระทั่งผ้าบุเบาะนั่งของเก้าอี้ให้เข้ากับโทนสีหรือสไตล์ห้องของคุณได้ตามต้องการ
แนวคิดใหม่ในการเลือกซื้อเก้าอี้ คือการเลือกซื้อเก้าอี้ที่ทำจากวัสดุหลายชนิดมาผสมกัน ตัวอย่างเช่น เก้าอี้ที่โครงสร้างทำมาจากเหล็กที่ดูทันสมัย แต่
หุ้มด้วยหวายที่เป็นวัสดุที่นิยมใช้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เก้าอี้แบบนี้ให้ความรู้สึกสบายเมื่อเวลาคุณนั่งและยังมีรูปแบบที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว วัสดุหวายมีความแข็งแรงทนทานทั้งยังใช้งานได้หลายปี ส่วนเหล็กก็สามารถทำสีได้หลายสี เก้าอี้หวายโครงเหล็กแบบนี้นอกจากจะใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านแล้ว ยังสามารถปรับใช้กับบริเวณภายนอกได้อีกด้วย เช่น บริเวณสวนหย่อม หรือที่นั่งเล่นบริเวณระเบียงบ้าน
อีกทางเลือกที่น่าสนใจคือ เก้าอี้ไม้อัด เก้าอี้แบบนี้จะมีราคาไม่แพงมากนัก และมีกระบวนการผลิตที่ไม่ซับซ้อน รูปแบบเก้าอี้เน้นเรียบง่ายแต่ใช้งานได้หลากหลาย สามารถนำไปตกแต่งร่วมกับเฟอร์นิเจอร์แบบอื่นๆ ได้ง่าย หรือที่เราเรียกกันว่ามิกซ์แอนด์แมตช์สไตล์ หากคุณต้องการให้เก้าอี้ของคุณเป็นชิ้นไฮไลต์ภายในห้อง คุณควรเลือกสีของเก้าอี้ให้สว่างกว่าสีของห้องที่จะจัดวาง หากคุณเลือกใช้เก้าอี้สีส้ม หรือสีเหลือง สีเช่นนั้นจะทำให้ห้องมีบรรยากาศที่สนุกสนานขึ้น
เก้าอี้ได้ถูกเปลี่ยนแปลงรูปแบบตามยุคสมัยและการใช้งาน เหล่านี้เป็นภาพสะท้อนของเศรษฐกิจ การผลิต และความต้องการ ในปัจจุบันเก้าอี้มีให้เลือกมากมายหลายแบบ ดังนั้นคุณควรเลือกรูปแบบเก้าอี้ในแบบที่คุณชอบให้เหมาะสมกับการใช้งานและงบประมาณที่คุณตั้งไว้
คุณรู้ไหมว่า เก้าอี้การยศาสตร์ (Ergo nomic Chair) หมายถึง เก้าอี้ที่ถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ของมนุษย์มีการออกแบบที่เอื้ออำนวยและคำนึงถึงการรักษาสภาพของท่านั่งให้เหมาะสมกับลักษณะของร่างกายที่แตกต่างกันเพื่อลดปัญหาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อจากการนั่งเป็นระยะเวลานานๆ เก้าอี้การยศาสตร์ถูกออกแบบมาใช้กับผู้ที่ต้องทำงานโดยการนั่งนาน
ความรู้เรื่องเฟอร์นิเจอร์ เฟอร์นิเจอร์
ความรู้เรื่องเฟอร์นิเจอร์ เฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องเรือน เป็นสิ่งของที่มนุษย์คิดประดิษฐ์ขึ้น เพื่อรองรับการใช้งานและอำนวยความสะดวกสะบายของร่างกายมนุษย์ สำหรับทั้งกิจกรรมต่างๆในบ้าน ที่ทำงาน หรือที่สาธารณะ อาทิเช่น การนอน การนั่ง การรับประทานอาหาร การทำงาน จึงจัดได้ว่า เฟอร์นิเจอร์ เป็นส่วนเชื่อมสำคัญระหว่าง บ้าน กับผู้อยู่อาศัย หรือมนุษย์กับสถาปัตยกรรมนั่นเอง รูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ เฟอร์นิเจอร์ แบ่งตามรูปลักษณ์ได้ 3ลักษณะคือ 1.แบบแรกเริ่ม(PRIMITIVE) เป็นรูปแบบที่ยังคงวัสดุในสภาพเดิม เป็นการออกแบบที่ต้องการประโยชน์ใช้สอย มากกว่าการคำนึงถึงความสวยงาม 2.แบบคลาสสิค(CLASSIC) เป็นรูปแบบที่มีความสมบูรณ์ ในการออกแบบอย่างเต็มที่ ให้คุณค่าทั้งประโยชน์ใช้สอย และความสวยงาม 3.แบบสมัยใหม่(MODERN) เป็นรูปลักษ์ที่แสดงความเรียบง่ายตามสไตล์คนรุ่นใหม่ เน้นคุณค่าทางปประโยชน์ใช้สอยอย่างสมบูรณ์ บางครั้งก็ได้รับอิทธิพลตกทอดจากแบบคลาสสิค โดยลดหรือตัดทอนรายละเอียด อาจเรียกได้ว่เป็นแบบ โมเดิร์นคลาสสิค(MODERN CLASSIC) |
สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนซื้อ “พัดลมไอเย็น” ข้อดี-ข้อเสีย แบบเข้าใจง่าย

หน้าร้อนประเทศไทยไม่เคยปรานีใคร ไม่ว่าบ้านไหนก็คงต้องรีบหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยดับร้อนมาใช้กันด่วน ๆ ซึ่งสมัยนี้นอกจากพัดลมกับเครื่องปรับอากาศ ยังมี “พัดลมไอเย็น” เข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจ มาดูกันว่าพัดลมไอเย็นนี้แตกต่างจากแอร์และพัดลมยังไง มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง

สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนซื้อ “พัดลมไอเย็น”
- ทำงานด้วยระบบ Evaporative Cooling Systems
หลักการทำงานของพัดลมไอเย็น คือเป่านำอากาศร้อนผ่านแผ่นทำความเย็นหรือแผงรังผึ้ง (Cooling Pad) ที่มีน้ำเย็นอยู่ น้ำบนแผ่นจะระเหยและดึงความร้อนออกจากอากาศนั้น ทำให้ลมที่เป่าออกมาเย็นกว่าพัดลมทั่วไป และจะให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติคล้ายอากาศริมน้ำ ลดอุณหภูมิได้ 2-8 องศา แถมยังช่วยกรองฝุ่นละอองด้วย
- พัดลมไอเย็น ไม่เหมือนกับพัดลมไอน้ำ
บางคนสับสนว่าพัดลมไอเย็นกับพัดลมไอน้ำเป็นอย่างเดียวกัน ความจริงไม่ใช่นะครับ พัดลมไอเย็นจะเป่าลมผ่านแผ่นทำความเย็นที่มีน้ำอยู่ ในขณะที่พัดลมไอน้ำจะพ่นเอาไอน้ำออกมากับลมเลย ซึ่งพัดลมไอน้ำนี้เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้งหรือนอกห้องเท่านั้น ส่วนพัดลมไอเย็นสามารถใช้ในห้องได้ครับ

- ประหยัดพลังงานใกล้เคียงพัดลมธรรมดา
จุดเด่นข้อหนึ่งของพัดลมไอเย็น ก็คือความประหยัดไฟเนี่ยแหละครับ โดยจะใช้พลังงานใกล้เคียงกับพัดลมธรรมดาเท่านั้น แต่ได้ความเย็นที่คล้ายแอร์ เรียกได้ว่ารวมเอาข้อดีของพัดลมและแอร์เข้าไว้ด้วยกันเลยทีเดียว
- ไล่ยุงได้
ปัจจุบันเทคโนโลยีพัดลมไอเย็นก้าวหน้าไปมาก ล่าสุดนอกจากจะคลายร้อนได้แล้ว ยังไล่ยุงด้วยคลื่นความถี่อัลตร้าโซนิคได้อีกด้วย ไม่ต้องคอยตบอีกต่อไป และไม่ต้องพึ่งสารเคมี
- ควรตั้งให้ลมสัมผัสกับร่างกาย
ขึ้นชื่อว่า “พัดลม” ก็ต้องโดนลมเท่านั้นถึงจะเย็น ไม่เหมือนเครื่องปรับอากาศที่ควบคุมอุณหภูมิได้ทั้งห้อง ฉะนั้นถ้าอยากได้ความเย็นสบาย ต้องอยู่ในจุดที่ลมเป่าถึงด้วยนะครับ
- เหมาะกับห้องที่อากาศถ่ายเท
ด้วยความที่ใช้ความเย็นจากน้ำ ลมที่เป่าออกมาจึงความชื้นสูงกว่าลมจากเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมธรรมดา จึงควรระมัดระวังในการใช้งานต่อเนื่องในห้องปิด เพราะอาจมีปัญหาเรื่องเชื้อโรคหรือเชื้อราตามมาได้ แต่ถ้าทำให้ห้องอากาศถ่ายเทไว้ก็ไม่มีปัญหาครับ อย่าลืมเปิดหน้าต่างบ้างล่ะ

- เสียงดังกว่าพัดลมทั่วไป
ขณะใช้งานพัดลมไอเย็นจะส่งเสียงหึ่ง ๆ ดังกว่าพัดลมทั่วไป หากคุณคุ้นเคยกับความเงียบของพัดลมธรรมดา หรือต้องการใช้งานในห้องนอน ควรคิดถึงข้อนี้ไว้ด้วย
- การดูแลรักษา
หากต้องการใช้พัดลมไอเย็นทนทานและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ควรหมั่นเติมน้ำให้แผ่นทำความเย็น และทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศกับถังพักน้ำเป็นประจำ

เครื่องปรับอากาศ
ประเภทเครื่องปรับอากาศ
แบบชิ้นเดียว

แบบแยกชิ้นส่วน

ค่า EER
- ค่า EER ย่อมาจาก Energy Efficiency Rating เป็นค่าประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศ โดยจะหาได้จาก ขนาดของเครื่องปรับอากาศ (บีทียู ต่อ ชั่วโมง) หารด้วย กำลังไฟฟ้าที่เครื่องปรับอากาศใช้ (วัตต์) เช่น เครื่องปรับอากาศ ขนาด 11,700 บีทียูต่อชั่วโมง ใช้ไฟฟ้า 1,000 วัตต์ จะมีค่า EER = 11,700 หาร 1,000 = 11.7 เป็นต้น
- หากเครื่องปรับอากาศมีค่า EER สูง จะมีความสามารถสูงขึ้น สามารถทำงานดูดความร้อนได้ในอัตรา (BTU/hr) ที่สูงขึ้น โดยใช้พลังงาน (วัตต์)เท่าเดิม หรือดูดความร้อนในอัตราเท่าเดิมโดยใช้พลังงานน้อยลง นั่นหมายถึง ยิ่งมีค่า EER สูง ยิ่งประสิทธิภาพในการใช้พลังงานสูง
- ค่า EER นี้ ถูกใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินฉลากพลังงานด้วย โดยที่เครื่องปรับอากาศที่จะได้ฉลาดประหยัดไฟเบอร์ 5 ในประเทศไทย จะต้องมีค่า EER = 11.6 ขึ้นไป สำหรับเครื่องปรับอากาศขนาดไม่เกิน 27,296 บีทียู/ชั่วโมง และ 11.0 ขึ้นไป สำหรับเครื่องปรับอากาศขนาด มากกว่า 27,296 บีทียู/ชั่วโมง
ความหมายของพิธีรดน้ำสังข์ ในพิธีแต่งงานไทย
ทำไมแต่งงานแบบไทยภาคกลางต้องมีพิธีหลายขั้นตอน แล้วรดน้ำสังข์คืออะไร มีที่มาจากไหนมาหาคำตอบกันค่ะ
พิธีรดน้ำสังข์ถือเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ในงานแต่งงานเนื่องจากว่า ความหมายอันเป็นนิมิตรมงคลสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ รวมถึงสังข์ยังเป็นอาวุธหนึ่ง ๑ ใน ๔ ของพระนารายณ์ทรงถือสังข์ หมายถึงได้รับชัยชนะตลอดกาล
ความหมายของพิธีรดน้ำสังข์
ขั้นตอนการรดน้ำสังข์ เป็นการอวยพรคู่บ่าวสาว โดยเริ่มจากญาติผู้ใหญ่และแขกผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน ซึ่งจะนำน้ำที่บรรจุอยู่ในสังข์ รดไปยังมือของคู่บ่าวสาว พร้อมกับอวยพรให้คู่บ่าวสาวมีแต่ความสุข สงบร่มเย็น ครองรักกันอย่างยาวนาน ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร นอกจากนี้สังข์และน้ำที่ใช้ในการรดมือเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั้นยังแฝงไปด้วยความความเชื่อที่เป็นมงคลดังนี้
- สังข์ เป็นธรรมเนียมประเพณีของศาสนาพราหมณ์ ที่จะช่วยเสริมความเป็นมงคลให้กับชีวิตคู่ ทั้งนี้ มีตำนานได้กล่าวถึงความเชื่อนี้ว่า การที่เรานำหอยสังข์มาใช้ในพิธีรดน้ำสังข์ก็เพราะว่า สังข์ คือหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 14 อย่าง อันเกิดจากการกวนเกษียรสมุทรของเหล่าเทวดาและอสูร จึงถือเป็นของสิริมงคลสำหรับคู่บ่าวสาว
- น้ำ เป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคง ร่มเย็น เป็นปึกแผ่น จึงเป็นดั่งคำอวยพรให้คู่บ่าวสาวได้ครองรัก ครองเรือนกันอย่างยาวนานและมีความใจเย็นเฉกเช่นความเย็นของสายน้ำ ซึ่งน้ำที่ใช้ในการรดน้ำสังข์นั้น เป็นพระพุทธมนต์ ด้วยเหตุที่คนไทยเป็นพุทธศาสนิกชน ดังนั้น น้ำที่เกิดจากการเจริญพระพุทธมนต์จึงถือเป็นสิ่งมงคลยิ่ง และได้นำน้ำพระพุทธมนต์มาบรรจุในหอยสังข์ การรดน้ำสังข์จึงเสมือนเป็นการอวยพรให้คู่บ่าวสาวมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตคู่
พิธีรดน้ำสังข์ เป็นพิธีที่มีความสำคัญในขั้นตอนการแต่งงาน เพราะถือว่าเป็นพิธีที่ให้ญาติและแขกผู้ใหญ่ได้ทำการอวยพรแก่คู่บ่าวสาวเกี่ยวกับการครองเรือน รวมถึงให้ข้อคิดเตือนใจ เพื่อให้คู่บ่าวสาวได้นำไปใช้ในชีวิตคู่ให้ราบรื่นและมีความสุขในอนาคต

อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการรดน้ำสังข์
- แป้งเจิม ใช้เพื่อเจิมหน้าผากของเจ้าบ่าวเจ้าสาว
- ชุดตั่งรดน้ำสังข์ มีเก้าอี้นั่ง 2 ตัว, โต๊ะวางพานรับน้ำสังข์ 2 ตัว, โต๊ะวางมือ 2 ตัวและโต๊ะวางอุปกรณ์ 1 ตัว
- หมอนรองมือ ใช้เพื่อรองมือและแขน
- พวงมาลัยบ่าวสาว ใช้เพื่อคล้องคอเจ้าบ่าวเจ้าสาว ส่วนใหญ่จะใช้เป็น มาลัยสองชาย
- มงคลแฝด ใช้เพื่อสวมศีรษะให้กับคู่บ่าวสาว
- พานพุ่มดอกไม้สำหรับรับน้ำสังข์ ใช้รองรับน้ำสังข์ที่รดลงบนมือของเจ้าบ่าวเจ้าสาว
- ของชำร่วย ใช้เพื่อมอบให้กับญาติผู้ใหญ่หรือแขกที่มาร่วมแสดงความยินดี
- พานวางหอยสังข์และพานสำหรับรับน้ำสังข์
ขั้นตอนการทำพิธี
ขั้นตอนการทำพิธีรดน้ำสังข์ เป็นขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก เพียงเตรียมของที่จำเป็นต้องใช้ให้พร้อมก็สามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โดยมีลำดับขั้นตอนการรดน้ำสังข์คู่บ่าวสาวดังนี้
- เจ้าบ่าวเจ้าสาวจุดธูปเทียนเพื่อบูชาพระรัตนตรัย จากนั้นมานั่งประจำที่ตั่งเพื่อทำพิธี โดยการนั่งให้เจ้าสาวนั่งทางด้านซ้ายของเจ้าบ่าวและหันหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ
- ทำการเจิมหน้าผาก โดยให้ประธานในพิธีหรือพ่อแม่ของบ่าวสาวเป็นผู้เจิม เจิมเป็นจุดสามเหลี่ยมสามจุด จากนั้นคล้องมาลับและสวมมงคลแฝดให้กับคู่บ่าวสาว
- ประธานในพิธี พ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่และแขกที่มาร่วมงานจะทยอยเข้ามารดน้ำสังข์พร้อมกล่าวคำอวยพรให้กับคู่บ่าวสาว โดยจะมีญาติหรือเพื่อนเจ้าสาวตักน้ำเติมในสังข์และส่งให้
เมื่อทำการรดน้ำสังข์และอวยพรเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีการเชิญแขกผู้ใหญ่ที่นับถือมาถอดมงคลแฝดออกจากศีรษะของบ่าวสาวและวางลงบนพานที่เตรียมไว้ จากนั้นจะจับมือของบ่าวสาวให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการ
ความเชื่อ
ตามความเชื่อของการทำพิธีรดน้ำสังข์ถือเป็นพิธีการอวยพรที่จะทำให้คู่บ่าวสาวได้ครองคู่กันอย่างยาวนานและมีชีวิตครอบครัวที่มีความสุขราบรื่น นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกอย่างว่า ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำพิธี ที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องยืนขึ้นพร้อมกัน หากฝ่ายใดลุกขึ้นก่อน ฝ่ายนั้นจะเป็นผู้ที่อยู่เหนือคู่ครองของตน

